พลเมืองอเมริกันกับวีซ่าเข้าประเทศไทย
                   ไพสันติ์ พรหมน้อย
                                     เมื่อประมาณกลางปี 2550 ผมได้รับข่าวจากเพื่อนผู้แปลงสัญชาติเป็นพลเมืองอเมริกันและกลับไปปักหลักที่เมืองไทยว่า                      คนไทยผู้ถือพาสปอร์ตอเมริกัน                       เมื่อกลับเข้าไปอยู่ในประเทศไทยแล้วไม่รายงานตัวจะถูกเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.)ปรับ  ผม จึงนำเรื่องนี้ไปแจ้งกงสุลใหญ่จักร บุญ-หลง ให้ทราบ ท่านก็สั่งให้กงสุลที่รับผิดชอบตรวจสอบรายละเอียด เพราะการอนุญาตให้อยู่ในเมืองไทยเป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานตรวจคนเข้า เมืองหรือที่เราเรียกว่าอิมมิเกรชั่น
                                     ต่อมาวันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 สถานกงสุลใหญ่แอล.เอ.ออกหนังสือ                      ที่ 17                      /2550 แจ้งให้ทราบเรื่อง “บุคคลสัญชาติไทยถือหนังสือเดินทางสหรัฐฯ                      เข้าประเทศไทย” มีใจความดังนี้
ด้วย สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้รับแจ้งจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองว่าคนต่างด้าวที่เคยถือสัญชาติไทยและ เดินทางเข้าประเทศไทยโดยได้รับยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว 30 วัน สามารถยื่นขออยู่ต่อในราชอาณาจักรได้ครั้งละไม่เกิน                      1 ปี โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเพื่อขอรับการตรวจลงตราประเภทใดประเภทหนึ่งก่อนแต่อย่างใด
ส่วนการรายงานตัว  ในกรณีที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อ 1 ปี ก็จะเข้าข่ายมาตรา 37 ข้อ (5)                      ของ พรบ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522                      (http://www.immigration.go.th/nov2004/doc/act_imm_2522.html ) ที่ระบุว่า คนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรเกิน                      90 วัน จะต้องมีหนังสือแจ้งให้ จนท.ตม. ทราบที่อยู่ที่ตนพักอาศัยทุก                      90 วัน ไม่มีการยกเว้นสำหรับคนที่มีสัญชาติไทย                      
                                     ผมจึงอยากนำมาขยายความเพื่อเป็นประโยชน์แก่คนไทยทุกท่านที่แปลงสัญชาติและถือพาสปอร์ตอเมริกันรวมทั้ง”คนอเมริกัน”ที่ต้องการไปเที่ยวประเทศไทยด้วย
ปัจจุบัน มีคนไทยอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาจำนวนมาก ทั้งที่แปลงสัญชาติเป็นพลเมืองอเมริกันแล้ว คนที่อยู่ถูกกฎหมายด้วยการถือใบเขียว,บุคคลเดินทางมาศึกษาต่อ,เดินทางมาจาก ประเทศไทยเพื่อประกอบอาชีพเช่นพนักงานบริษัทอเมริกัน,เจ้าหน้าที่วิสาหกิจ ของไทยและข้าราชการกระทรวงทบวงกรมต่างๆที่ประจำอยู่ในสหรัฐ   
                                     นอกจากนี้ยังมีคนไทยกลุ่มใหญ่ที่อยู่อย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือที่เราเรียกว่า”โรบินฮู้ด” คนไทยในกลุ่มนี้น่าจะมีอยู่ไม่น้อยทีเดียว                      
                                     บทความนี้เขียนถึง”พลเมืองอเมริกัน”ที่จะเดินทางไปเมืองไทย                      ไม่ว่าจะไปเที่ยว ไปทำงานหรือไปปลดเกษียณที่ประเทศไทยก็ตาม  คำว่าพลเมืองอเมริกันอาจเกิดได้ 2 กรณีคือ                      1.ได้มาด้วยการเกิดในสหรัฐหรือเกิดนอกสหรัฐหากมีพ่อหรือเป็นแม่เป็นคนอเมริกัน                      2.ได้มาด้วยการแปลงสัญชาติ  หลังจากถือใบเขียวครบกำหนด 3 หรือ 5 ปีตามเงื่อนไขที่กฎหมายคนเข้าเมืองกำหนด
                                     ผมมองว่าคนไทยที่แปลงสัญชาติเป็นอเมริกันไปแล้วมีจำนวนไม่น้อยอยากกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายในประเทศไทย                      หรือเป็นพวกที่ปลดเกษียณแล้ว                       บุคคลเหล่านี้นับวันจะมีเพิ่มมากขึ้น                       ผมจึงมอง 2 ด้าน                       
ด้านแรก เป็นการกลับสู่มาติภูมิแผ่นดินเกิดหลังจากมาแบกจ๊อบในแผ่นดินอื่น  ประสบการณ์ของพวกเขาจะมีส่วนส่งเสริมสังคมไทยในส่วนที่ยังขาดอยู่ได้ไม่น้อยทีเดียว  
ด้านที่สอง บุคคลเหล่านี้จะนำเงินตราต่างประเทศเข้าไปหมุนเวียนในประเทศไทยได้มหาศาล                       เงินที่จะนำเข้าไปเกิดขึ้นได้หลายทาง                      
ทางแรกเมื่อพวกเขาขายบ้านหรือธุรกิจในสหรัฐอเมริกา                      ครั้นกลับไปอยู่เมืองไทยส่วนใหญ่จะซื้อบ้านหลังใหม่”ให้ดูดี”สมกับเป็นคนที่กลับจากอเมริกา  เงินจำนวนนี้จะเข้าไปหมุนเวียนในภาคอสังหาริมทรัพย์                      โดยสรุปก็เข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของไทย  
ทาง ที่สองคนเกษียณอาจอายุ 62 ปี,65 ปีหรือ 67 ปี(ในอนาคต) คนกลุ่มนี้จะมีเงินได้ 2 ทางกล่าวคือหากเป็นคนทำงานบริษัท,วิสาหกิจหรือหน่วยงานภาครัฐ จะมีเงินได้แบบสะสมจากบริษัท บางคนอาจได้เดือนละ 1,000 ดอลลาร์  ทางที่สองมาจากเงินประกันสังคม (Social Security) ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการทำงานบวกกับเงินที่เขาสะสมไว้  คนที่มีรายได้มากก็ถูกหักไว้มาก 
เมื่อนำ 2 รายได้มารวมกันแล้วบางรายอาจมีเงินช่วงปลดเกษียณเดือนละ                      2,000-3,000 ดอลลาร์ สมมติว่ามีคนไทยที่แปลงสัญชาติเป็นพลเมืองอเมริกันกลับเข้าไปอยู่ในประเทศไทยเฉลี่ย                      20,000 คน คิดรายได้คนละ 1,000 ดอลลาร์ต่อเดือน  ประเทศไทยจะมีเงินเข้าประเทศเดือนละ 20 ล้านดอลลาร์                      คิดอัตราแลกเปลี่ยน 34 บาทต่อดอลลาร์ก็จะเป็นเงินหมุนเวียนเดือนละ                      680 ล้านบาท
รัฐบาลไทยต้องคิดให้ดี  คิดว่าจะชุกจูงคนไทยในต่างประเทศกลับไปปลดเกษียณที่ประเทศไทยได้อย่างไร                      
หันมาดูเรื่อง”พลเมืองอเมริกัน”ที่จะเข้าไปประเทศไทย(โดยไม่ได้มีสัญชาติไทยมาก่อน)                      ไม่ว่าจะถือพาสปอร์ตทูต,เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือพาสปอร์ตธรรมดาเพื่อการท่องเที่ยว                      เมื่อเดินทางเข้าประเทศไทยและอยู่ไม่เกิน 30 วันไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า                      ทั้งนี้จะต้องแสดงตั๋วโดยสารขากลับด้วย                       อย่างไรก็ตามสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทยอาจจะยืดเวลาให้อยู่ได้อีก                      10 วัน หากมีการยื่นขอ                       
                                     หากผู้ถือพาสปอร์ตอเมริกันต้องการอยู่เกิน 30 วัน ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทยจะต้องไปขอวีซ่าจากสถานทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ไทยที่ใกล้ตัว  ซึ่งวีซ่าประเภทท่องเที่ยวอยู่ในประเทศไทยได้                      60 วัน   แต่เมื่อเดินทางไปอยู่ในประเทศไทยแล้ววีซ่าท่องเที่ยวจะขอต่ออายุได้อีก                      2 ครั้ง   ในครั้งแรกเจ้าหน้าที่อาจจะอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยต่อได้อีก                      30 วัน พร้อมค่าธรรมเนียม 1,900 บาท
                                     การต่อวีซ่าไปกระทำที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่                      507 ซอยสวนพลู ถนนสาทรใต้                       กทม.
โทร.02-287-3111 นอกจากนี้ยังมีสำนักงานย่อยที่ตั้งอยู่ในหลายจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว                      เพื่อให้ความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว 
                                     ใน กรณีที่คนอเมริกันต้องการอยู่ในประเทศไทยเกินกว่า 90 วันก็จะต้องติดต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ของไทยในสหรัฐให้เรียบร้อยเพื่อ จะได้ปฏิบัติตามระเบียบกฎเกณฑ์และเงื่อนไขของประเทศไทย  เพราะหากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทยอาจปฏิเสธไม่อนุญาตให้เข้าประเทศก็ได้เช่นกัน
 วีซ่าทำงาน(the work visa)
                                     คนต่างชาติที่ต้องการไปทำงานในประเทศไทยจะต้องมีวีซ่าทำงาน   ก่อนจะได้วีซ่าประเภทนี้จะต้องยื่นขอใบอนุญาตทำงาน(a work permit)ซึ่งบริษัทในต่างประเทศ,บริษัทในประเทศไทย,รัฐบาลต่างประเทศหรือองค์กรอื่นใดจะต้องยื่นขอใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยให้                      เมื่อได้รับใบอนุญาตทำงานแล้วจึงจะได้วีซ่าทำงาน (the work visa)                      ซึ่งมีอายุ 1 ปี 
วีซ่าเกษียณอายุ(Retirement Visas)
                                     คนต่างชาติที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไปต้องการไปใช้ชีวิตในประเทศไทย   สามารถขอวีซ่าเกษียณอายุได้ วีซ่าประเภทนี้มีอายุคราวละ                      1 ปี โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทยกำหนดเงื่อนไขและคุณสมบัติต่างๆของผู้ต้องการวีซ่าประเภทนี้ไว้ดังนี้                      
                                     ผู้ยื่นขอจะต้องเป็นคนต่างชาติอาศัยอยู่ในเมืองไทย
                                     ผู้ยื่นขอจะต้องไม่ทำงานในประเทศไทย
                                     ผู้ยื่นขอจะต้องแสดงหลักฐานว่าเป็นผู้รับเงินบำนาญและมีรายได้ประจำจากแหล่งเงินนอกประเทศไทย
                                     ผู้ยื่นขอจะต้องมีรายได้จากเงินบำนาญเมื่อเทียบอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยแล้วจะต้องมีไม่น้อยกว่า                      65,000 บาท (ประมาณ 2,000 ดอลลาร์ในอัตราแลกเปลี่ยน 34 บาทต่อดอลลาร์ก็จะตกเดือนละ                      68,000 บาท)  
                                     นอกจากนี้ผู้ยื่นขอจะต้องมีบัญชีเงินฝากในธนาคารไทยที่ประเทศไทยอย่างน้อย                      800,000 บาท 
(ผู้ยื่นขอวีซ่าจะต้องแสดงบัญชีว่ามีเงินฝากไม่น้อยกว่า 8                      แสนบาททุกปีที่ยื่นขอต่อวีซ่า)
                                     หากบุคคลผู้นั้นมีคู่สมรสเป็นคนไทยจะต้องแสดงเช่นกันว่ามีบัญชีเงินฝาก                      800,000 บาทรวมทั้งพิสูจน์ว่ามีรายได้จากเงินบำนาญเดือนละ 65,000                      บาท
 วีซ่าอยู่เกินกำหนด (Visa Overstays)
                                     ในกรณีที่บุคคลต่างชาติไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศเมื่อได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศหมดอายุ                      (วันประทับตราวีซ่าที่แอร์พอร์ต)ถือว่าบุคคลผู้นั้นอยู่อย่างผิดกฎหมาย  เมื่อจะเดินทางออกนอกประเทศต้องเสียค่าปรับฐานอยู่เกินกำหนด(overstay fine)วันละ 500 บาท ค่าปรับสูงสุด 20,000 บาท  สามารถเสียค่าปรับได้ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.)ที่จะเดินทางออกเช่นที่สนามบินเป็นต้น
                                      โปรดจำไว้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยมักจะกวาดล้างนักท่องเที่ยวแบบซำเหมา(low-budget travelers) เป็นประจำเพราะละเมิดวีซ่าเข้าเมือง จากนั้นจะถูกนำไปจำขังที่สถานกักกันของสตม.จนกระทั่งบุคคลผู้นั้นจ่ายค่า ปรับและมีค่าตั๋วเครื่องบินเดินทางออกจากประเทศไทยได้  บุคคลที่อยู่เกินกำหนดกว่า 200 วันแล้วถูกจับได้จะถูกจำขังที่สถานกักกันของสตม.เพื่อรอการเนรเทศ                      (ในอนาคตจะไม่ได้วีซ่ากลับเข้าประเทศไทยได้อีก)   
                                     การขอต่ออายุวีซ่าขอให้กระทำล่วงหน้าหรืออย่างช้า 1 วันหลังวีซ่าหมดอายุ(next                      working day) เพื่อป้องกันการถูกปรับ กรณีวีซ่าหมดอายุวันเสาร์,วันอาทิตย์หรือวันหยุดราชการจะต้องไปต่ออายุ                      เมื่อเริ่มวันทำงานถัดไปของสำนักงานสตม.
หนังสือเดินทาง(Passports)
                                     หนังสือเดินทางอเมริกันอาจจะออกได้เต็มรูปแบบหรือออกได้แบบจำกัด(Full and limited validity passports)จะออกให้โดยสำนักงานบริการพลเมืองอเมริกัน ( the American                      Citizens Services Unit)ในประเทศไทยพลเมืองอเมริกันจะต้องไปยื่นขอพาสปอร์ตที่สถานทูตอเมริกัน                      ถนนวิทยุ
                                     รายละเอียดต่างๆหาดูได้จากเว็บไซท์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเกี่ยวกับการยื่น
ขอหนังสือเดินทางอเมริกัน    
                                     เมื่อ พลเมืองอเมริกันเดินทางออกนอกประเทศ ขอแนะนำให้ถ่ายเอกสารสำเนาพาสปอร์ตไว้ด้วยซึ่งมีหมายเลขหนังสือเดินทาง,รูป ถ่ายของผู้ถือและรายละเอียดอื่นๆและแยกไว้ต่างหากจากพาสปอร์ต กรณีที่พาสปอร์ตสูญหายหรือถูกขโมย                       จะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถออกพาสปอร์ตแบบฉุกเฉินให้ได้ทันท่วงที                      
                                     การยื่นขอพาสปอร์ตอเมริกัน พลเมืองอเมริกันจะต้องพิสูจน์ดังนี้
1.การพิสูจน์ว่าเป็นพลเมืองอเมริกันโดยให้นำเอกสารอย่างใดอย่างหนึ่งแนบไปแสดงด้วย
- พาสปอร์ตอเมริกันเล่มที่เคยออกให้
- ใบเกิดของพลเมืองอเมริกัน                      (ใช้ใบจริงหรือหากเป็นสำเนาถ่ายเอกสารจะต้องได้รับการรับรองจากเจ้าหน้าที่ของสหรัฐผู้ดูแลเอกสารใบเกิด)
                                     - ใบประกาศว่าได้มีการแปลงสัญชาติ(Certificate of Naturalization)
                                     - ใบรายงานของเจ้าหน้าที่กงสุลอเมริกันในต่างประเทศกรณีที่พลเมืองอเมริกันเกิดในต่างประเทศ
2.การพิสูจน์เอกลักษณะบุคคล(Proof of Identity )ให้นำอย่างใดอย่างหนึ่งไปแสดงดังนี้  
                                     - พาสปอร์ตอเมริกันเล่มเดิมที่ออกให้
                                     -ใบประกาศว่าได้มีการแปลงสัญชาติ
                                     - เอกสารอื่นใดที่ออกให้โดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น,เจ้าหน้าที่มลรัฐหรือรัฐบาลกลาง                      (อาทิเช่นใบขับขี่) 
3. ภาพถ่าย ต้องการ 2 ภาพขนาด 2 คูณ                      2 นิ้ว (โดยมีใบหน้าในภาพขนาด 1 และ 1                       3/8 นิ้ว) เป็นสีหรือขาวดำก็ได้                       ภาพจะต้องชัดเจน,ถ่ายด้านหน้า,เต็มหน้าและภาพต้องโฟคัส   ด้านหลังจะต้องเป็นสีขาว  ให้พิมพ์ชื่อและนามสกุลของเจ้าของภาพไว้ด้านหลังภาพด้วย
ขั้นตอนการปฏิบัติ(Procedure)
                                     1.ต้องกรอกแบบฟอร์มยื่นขอพาสปอร์ตให้ละเอียด (ฟอร์ม DS-11                      หรือ DS-82                       ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบุคคล) 
ในกรณีที่ต้องยื่นแบบฟอร์ม  DS-82  
-ท่านมีพาสปอร์ที่ออกมาแล้วภายใต้ชื่อของท่านใน                      15 ปีที่ผ่านมา                      
                                     -สามารถยื่นพาสปอร์ตเล่มล่าสุดไปพร้อมกับแบบฟอร์ม 
                                     -อายุอย่างน้อย 16 ปีขึ้นไปเมื่อพาสปอร์ตเล่มล่าสุดได้ออกให้
                                     -ในกรณีที่เปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล จะต้องยื่นเอกสารการเปลี่ยนชื่อไปด้วย
                                     -หากยื่นขอพาสปอร์ตแทนเล่มเดิมที่ถูกขโมย,สูญหายหรือฉีกขาดจะต้องใช้แบบฟอร์ม DS-11
2.ยื่นแบบฟอร์มพร้อมเอกสารต่อสำนักงาน                      the                      American Citizen Services Office ระหว่างเวลา 7.30 ถึง 11.00 น.หรือ 13.00-14.00                      น. วันจันทร์ถึงวันศุกร์ และจะต้องเซ็นชื่อต่อหน้าเจ้าหน้าที่กงสุลอเมริกัน                      
3.จ่ายค่าธรรมเนียมดังนี้                      พาสปอร์ตของผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 16 ปี 82 ดอลลาร์ ,การยื่นขอต่ออายุพาสปอร์ตของผู้ใหญ่                      67 ดอลลาร์,ผู้ยื่นขอพาสปอร์ตครั้งแรกหรือขอพาสปอร์ตเล่มใหม่แทนเล่มเดิมที่สูญหายหรือถูกขโมยต้องจ่าย                      97 ดอลลาร์  เงินค่าธรรมเนียจ่ายเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ,เงินไทย,บัตรเครดิตหรือเดบิท                      คาร์ด ก็ได้
                                     4.ใช้เวลาในการทำ 2 สัปดาห์ก่อนที่เจ้าของหรือผู้แทน(ที่ได้รับอนุญาต)จะไปรับได้ที่แผนก
ACS                      สถานทูตอเมริกัน 
การขอพาสปอร์ตให้เด็ก
เด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี จะต้องได้รับความยินยอมจากพ่อแม่ทั้งสองคน                       หากคนใดคนหนึ่งไม่ได้ปรากฎตัวในประเทศที่ยื่นขอพาสปอร์ตให้ยื่นแบบฟอร์ม(Form DS 3053)พร้อมกับมีการรับรองเอกสาร(notarized) ด้วย โดยให้พ่อหรือแม่ที่ไปยื่นนำเอกสารนี้ไปยื่นพร้อมแบบฟอร์มของพาสปอร์ตให้ลูก                      นอกจากนี้เด็กจะต้องมีใบเกิดและสำเนาเพื่อให้ทราบว่าเด็กผู้นั้นมีความสัมพันธ์กับพ่อแม่หรือผู้ปกครอง                      (guardians)
                                     หากเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องเตรียมภาพถ่ายของเด็กไว้ทุกปี                      สถานกงสุลอาจจะขอรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ยื่นแบบฟอร์มแก่เด็กด้วยเช่นกัน
                                     เมื่อไปอยู่ต่างประเทศและทำพาสปอร์ตหายหรือถูกขโมย จะต้องปฏิบัติดังนี้
                                     1.ผู้ยื่นขอพาสปอร์ตใหม่แทนเล่มเดิมที่สูญหายต้องแนบใบแจ้งความฉบับจริงจากสถานีตำรวจของไทยด้วย                      
                                     2.จะต้องกรอกหลักฐานว่ามีการสูญหายหรือถูกขโมย(an Affidavit of Loss or Theft)ซึ่งมีให้ที่แผนก ACS ในสถานทูต
                                     3.จะต้องนำพาสปอร์ตใหม่ที่ออกแทนเล่มเดิมไปประทับตราการเดินทางเข้าประเทศจากเจ้าหน้าที่ของไทย                      โดยสำนักงาน ACS                      สามารถให้รายละเอียดได้ว่าไปทำที่ไหนและอย่างไร 
พาสปอร์ตแบบฉุกเฉิน(Emergency Passports)
การออกพาสปอร์ตแบบฉุกเฉินให้บริการเป็นกรณีไป                      มีอายุใช้งานไม่เกิน 1 ปีและสามารถกระทำได้ภายใน 24 ชั่วโมง
                                     ในกรณีที่มีการประทับตราวีซ่ามากในหนังสือเดินทางจนเนื้อที่หมด                      เจ้าหน้าที่สามารถเพิ่มเติมหน้ากระดาษให้ได้ในพาสปอร์ตเรียกว่าExtra Visa Pages ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆและรอประมาณ 1 ชั่วโมง 
ท่านสามารถเข้าไปศึกษาพาสปอร์ตและดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่                      http://foia.state.gov/FORMS/passport.asp    
                                     วันหมดอายุของพาสปอร์ต  พลเมืองอเมริกันมักจะเข้าไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกันในประเทศไทยว่าพวกเขาไม่อาจเดินทางไปประเทศที่                      3 หรือออกจากประเทศไทยได้                       สาเหตุสำคัญเพราะอายุพาสปอร์ตของพลเมืองอเมริกันเหล่านั้นใช้ได้ไม่ถึง                      6 เดือนก็หมดอายุ  ดังนั้นพาสปอร์ตจะต้องมีอายุใช้งานได้ไม่น้อยกว่า                      6 เดือนประเทศต่างๆจึงจะออกวีซ่าให้เข้าประเทศ
เว็บไซท์สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทย
http://www.immigration.go.th/nov2004/base.php
                                     บทความและรายละเอียดเหล่านี้คงทำให้คนไทยที่แปลงสัญชาติเป็นพลเมืองอเมริกันแล้ว                      ได้รับทราบว่ามีระเบียบวิธีปฏิบัติอย่างไรบ้าง ในกรณีที่จะเดินทางกลับไปประเทศไทย                      ไปเที่ยวและไปเกษียณ
Credit: Asian Pacific News
 
No comments:
Post a Comment
Please sign our guest book showing your visit and feel free to leave any notes or comments.