Friday, January 9, 2009

The Greatest Stories


The Love


มีนกนางแอ่นสายพันธุ์หนึ่ง เกิดมามีคู่เดียวรักเดียวใจเดียว

ในรุปคู่ของมันโดนรถชนตาย ตัวผู้เลยเข้าไปดูตัวเมียแล้วร่ำไห้

ร้องตะโกนหาคนที่ชนคู่ของมัน....แต่ตัวเมียได้ตายเสียแล้ว ...!!



......ตามธรรมชาตินกพันธุ์นี้จะไม่ยอมมีคู่อีก...และมันจะเป็นเช่นนี้ทุกคู่ไป

.....และผลสุดท้ายของความรักของนกคู่นี้คือ.....



ตัวผู้จะนอนกก ศพตัวเมียจนกว่ามันจะหมดแรงขาดใจตายไปในที่สุด

ตายตามคนที่รักไป.......




...... เคยรัก แล้วทุ่มเททั้งชีวิตแบบนี้หรือเปล่า.......

ไม่ขอให้เทียบเท่าแค่ขอให้ยาวนาน




The Passion


มีอีกเรื่อง สะเทือนใจเรามาก ๆ
(อันนี้เราก็อปมาเต็ม ๆ เลยนะ ได้จาก FW mail)

ยาวนิดนึงนะ แต่อยากอยากให้อ่านจัง... อ่านตอนว่าง ๆ ก็ได้ค่ะ ....

ได้รับ FW Mail เรื่องคุณยายทองคนนี้มาก่อนหน้านี้นานแล้ว ก็ FW ต่อไป คิดว่าถ้ามีโอกาสจะไปหายายดู พอนาน ๆ เข้าก็ลืมไปแล้ว บังเอิญเย็นวันศุกร์วันหนึ่ง กำลังเช็ค e-mail ก่อนที่จะเก็บของเตรียมตัวจะไปทำงาน (ตรวจตลาด) ที่โคราชวันจันทร์ ก็ได้รับ FW mail ฉบับนี้อีกครั้ง

เหมือนมีอะไรดลใจให้ไปหายายคนนี้ให้ได้เลย พอไปถึงโคราช ก็ขับรถวนไปตรงถนนย่าโม หาทางไปตลาดแม่กิมเฮง ผ่านศาลย่าโมมานิดหน่อย พอมองหา ก็เห็นคุณยายนั่งอยู่ตรงเสาไฟฟ้าที่สามแยกหน้าร้านทอง (จอดรถที่วัดสะแกแล้วเดินกลับมานิดหน่อยก็เจอ)
แล้วได้รับรู้ว่าชิวิตของยายนั้น ต้องอยู่อย่างลำบากในเพิงสังกะสีเก่าๆ ไม่ต่างจากกองขยะ ที่ทั้งอุดอู้ สกปรก และไม่สามารถกันแดดฝนอะไรได้เลย

ยายต้องเดินเท้าหลายกิโลพร้อมกับกระสอบฟืน ขวดน้ำเก่าๆ และร่มคันหนึ่ง
ใช้พยุงตัวเองมาเรื่อยๆ ให้ถึงหน้าโรงเรียนบุญวัฒนา เพื่อขอขึ้นรถโดยสาร
(ที่บางคันจอดรับ และบางคันก็ไม่ให้ยายขึ้น) ไปยังหน้าร้านทอง สามแยกตลาดแม่กิมเฮง


'1 บาท เศษไม้ขอแลกเศษเงิน ขอบคุณลูกหลาน..ที่ช่วยต่อชีวิตให้ยาย'
ประโยคหนึ่งในเศษกระดาษเก่ายับที่วางอยู่หน้ากองฟืน ได้คนขับสามล้อแถวนั้นเขียนทิ้งไว้ให้
เผื่อว่าคนที่ผ่านไปมาจะได้เห็นว่า

ที่มุมเสาไฟฟ้านั้นมีอีกชีวิตที่รอคนเมตตา ซึ่งความจริงนั้นบางวันยาย...
อาจได้แค่คนที่หยุดมองอย่างสงสัย แต่ก็ไม่มีใครสนใจจะซื้อเศษไม้ไร้ค่านั้นเลย
สั ก ค น เ ดี ย ว

คุณยายนั่งอยู่กับพื้น ตรงหน้ามีผ้าพลาสติกเก่า ๆ มีเศษไม้มัดไว้เป็นกำ ๆ วางไว้เรียบร้อย
มีกระดาษที่คนใจดี print ให้ไว้ว่า ""เศษไม้ก่อไฟ มัดละ 1 บาท"
att450714.jpg


ราบอกคุณยายไปว่า เห็นเรื่องยายในหนังสือ (หมายถึง email แต่กลัวยายไม่รู้จัก)
ก็เลยมาเยี่ยม คุณยายหูตึงแล้ว แต่ยังคุยรู้เรื่องนะ แกถามว่าหนูมาจากไหน จะอยู่กี่วัน มานี่พักอยู่ที่ไหน เราก็ตอบแกไปว่ามาจาก กรุงเทพฯ แกถามว่าอยู่เขตอะไร ก็บอกแกไปว่าอยู่เขตประเวศ
ตอนนั้นคิดว่าบอกไป แกก็คงไม่รู้จักหรอก ระหว่างนั้นก็มีคนเดินมาดูเศษฟืน ถาม ๆ
อะไรหน่อยแต่ก็ไม่ได้ซื้อ เราก็เลยบอกคุณยายว่าหนูขอซื้อกำนึงนะ
แล้วก็เอาเงินให้แกไปร้อยนึง ยายก็ยิ้มดีใจ ขอบใจให้พร ตอนนั้นประมาณบ่ายกว่า ๆ
ยายบอกว่ายังไม่ได้กินข้าว เราก็เลยบอกให้ยายเก็บเงินไว้กินข้าวนะ
แล้วยายก็เอาเงินซุกลงไปในเสื้อ เหน็บไว้ตรงหน้าอก ไอ้เราก็กลัวเงินจะหล่นนะ
เพราะหน้าอกยายไม่ใช่สาว ๆ แล้ว เท่าที่คุยกับยายก็เลยรู้ว่าแกต้องจ้างคนผ่าเศษไม้ให้ ถุงนึง 100
บาท แล้วแกก็เอากรรไกรเก่า ๆ เป็นสนิมอันนึง นั่งตั้งอกตั้งใจตัดให้เป็นท่อนเท่า ๆ กัน
มัดด้วยหนังยาง ขายกำละ 1 บาท

เท่าที่เห็น ถ้าขายกำละ 1 บาทจนหมด ไม่รู้จะได้ถึง 100 บาทมั้ย
ยายบอกว่าก็ขายพอกินข้าวได้ไปวัน ๆ แล้วตอนเย็นยายต้องจ้างสามล้อ 20 บาท
ไปส่งตรงป้ายรถเมล์ จ่ายค่ารถเมล์อีก 8 บาท
พอลงรถแล้วต้องเดินต่อไปอีกกว่าจะถึงบ้าน แต่รถบางคันก็ไม่ยอมรับแกขึ้นรถนะ
พอคุยกันซักพัก เราก็ขอตัวลาแกไปทำงาน แกก็อวยพรให้ บอกว่า
"ขอให้เจริญ ๆ นะหนู... อยู่แถวประเวศใช่มั๊ย""
ดีจังเลย คุณยายจำได้ด้วย เราคิดว่าคุณยายใส่ใจฟังจริง ๆ นะ


คนบางคนเวลาที่เราคุยด้วย ก็ถามนั่นถามนี่ไปตามมารยาท ไม่ได้ใส่ใจฟังจริง ๆ
อย่างนี้หรอก คุณยายบอกว่า คิดถึงยายก็มาเยี่ยมยายนะ ยายอยู่ตรงนี้แหละ
พอเราเดินออกมานิดหน่อยก็คิดถึงยายแล้วหล่ะ หลังจากนั้นประมาณซัก 10 นาที (ไปทำงาน)
พอเดินกลับมาเห็นคนขายก๋วยเตี๋ยวหนุ่มทางทางใจดี กำลังเอาก๋วยเตี๋ยวมาให้ยาย
แล้วก็คอยดูอยู่ว่ายายจะทานได้มั๊ย เราเลยเดินไปซื้อน้ำเปล่ามาให้ยายขวดนึง แล้วก็บอกให้ยายกินน้ำด้วยนะ อากาศร้อน ยายก็ยิ้มดีใจ บอกว่า ""ดีจังเลย ได้กินน้ำเย็น ๆ"" ฟังแล้วก็ดีใจจัง


มาคิด ๆ ดูแล้ว บางทีเราเองกินทิ้งกินขว้าง จ่ายเงินกับเรื่องไร้สาระ ซื้อของแพงโดยไม่จำเป็น ไปร้านทำผมมาทีก็หลายตังค์ แต่น้ำเย็นขวดนึงแค่ 10 บาท ทำให้คนแก่คนนึงยิ้มได้อย่างมีความสุขขนาดนี้ เย็นวันนั้นโทรไปเล่าให้เพื่อนฟัง บอกว่าวันรุ่งขึ้นก่อนกลับ กทม จะไปหายายอกีที
เพื่อน ใจดีก็ฝากเอาเงินไปให้ยายอีกด้วย พอวันรุ่งขึ้นตอนใกล้ ๆ เที่ยง ก็ซื้อน้ำเย็นไปให้ยายอีกขวด (คราวนี้ตั้งใจเลือกขวดเย็นเจี๊ยบเลย)

พอคุณยายเห็นหน้าเราแล้วก็พูดว่า ""อ๋อ หนูที่อยู่ประเวศใช่มั๊ย"" ดูซิ ยายน่ารักจังเลย จำได้ด้วย เราถามแกไปว่ากินข้าวหรือยัง แกบอกว่า ""ยังไม่มีเวลากินเลย มีแต่เวลาทำงาน (ตัดไม้)
ตั้งแต่เช้ายังขายไม่ได้ซักกำเลย"" เราก็เลยไปซื้อข้าวมาให้ แล้วก็เอาเงินของเพื่อนกับเงินตัวเองให้แกไปอีกจำนวนนึง บอกให้แกเก็บดี ๆ นะ ค่อย ๆ ใช้ ยายกระซิบบอกว่า ต้องเก็บดี ๆ เพราะเคยมีคนมาแย่งเงินแกไปเฉย ๆ เลย เป็นผู้หญิง (ทำไมใจร้ายนักก็ไม่รู้ !) แล้วแกก็ล้วงเข้าไปในเสื้อ ดึงกระเป๋าผ้าใบเล็ก ๆ เก่า ๆ ที่มีสายผูกกับเสื้อแกอีกที แล้วก็เก็บเงินเข้าไปในนั้นอย่างระวัง

ตอน ขอถ่ายรูป คุณยายบอกว่า ""ยายขายฟืน ให้ยายถือฟืนซักกำนึง ถ่ายรูปด้วยดีมั๊ย"" ... แหม คุณยายนี่ก็มี prop นะคะ โพสต์ท่าเก่งไม่เบา ... เราเอารูปในมือถือยื่นให้ยายดู แต่ยายบอกว่ามองไม่เห็นหรอก เพราะตายายไม่ดี หมอเพิ่งลอกต้อออกไปแค่ข้างเดียว ตอนนี้ดูฟ้าเห็นพระอาทิตย์เป็นสีเหมือนเลือดเลย น่าเศร้าจัง ยายบอกว่ากลับไปแล้วถ้ามีโอกาสมาอีก หรือถ้ามีใครมาโคราช ยายขอรูปแผ่นนึงนะ ฝากเค้าเอามาให้ยายทองตรงนี้ แล้วบอกว่าจากหนูที่อยู่ประเวศ ยายก็จะจำได้

..... คุณยายความจำดีจริง ๆ ก่อนกลับ ยายอวยพรให้อีกหลายครั้ง แล้วถามว่าจะมาโคราชอีกเมื่อไหร่ สงกรานต์จะมามั๊ย เราก็ไม่แน่ใจหรอก แต่ถ้ามีโอกาสต้องไปหายายอีกแน่ ๆ ใครที่มีโอกาส
อยู่โคราชหรือผ่านไปทางโคราช แวะไปเยี่ยมคุณยายหน่อยนะคะ ไม่เสียเวลามากหรอกค่ะ
แค่มีคนไปคุยด้วย แกก็ดูความสุขขึ้นมาก ๆ แล้ว ถ้าพอจะช่วยเหลือได้ ก็ซื้อเศษไม้ของยายซักกำ ถึงจะไม่มีใครต้องการใช้ แต่ตอนนี้เรารู้สึกว่ามีคุณค่ามากสำหรับจิตใจ ของทั้งผู้ให้และผู้รับ

ขอบคุณทุก ๆ คนที่เคย Forward Mail นี้ต่อ ๆ มาให้ และก็หวังว่ามันจะยังคงถูก FW ต่อไปอีกเรื่อย ๆ

อย่างน้อยก็ช่วยต่อชีวิตให้คุณยายทอง ที่ไม่ได้ร้องขออะไรเลย แต่ยังคงทำงานขายเศษไม้แลกเศษเงินเพื่อประทังชีวิต ขอบคุณคนที่เขียนเรื่องนี้มากนะคะ ที่ทำให้เราได้ไปพบคุณยายผู้น่ารักคนนี้


No comments:

Post a Comment

Please sign our guest book showing your visit and feel free to leave any notes or comments.